• JOBTOPGUN
  • JOBTOPGUN
  • หน้าหลัก
  • หางานตามสายอาชีพหางานตามประเภทธุรกิจหางานตามพื้นที่หางานใกล้ BTSหางานใกล้ MRTหางานนักศึกษาจบใหม่หางานตามบริษัทชั้นนำ
  • เรซูเม่
  • อ่านรีวิวบริษัท
  • บทความงานเด่นบริษัทดังบทความงานราชการบทความ JOB Adviceบทความเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการสมัครงาน
  • นักศึกษาจบใหม่นักศึกษาฝึกงาน
  • แนะแนวสายอาชีพ
    ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบแพ็คเกจลงประกาศหาพนักงาน
  • TH
    EN
Job Top Gun Logo
jobtopgun-brand-logo-footer
02-853-6999Copyright ©2024 Super Resume Co., Ltd.
All Rights Reserved.
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น JOBTOPGUN
Download on the App StoreGet it on Google Play

v1.5.1 (31/03/2025)

production server, build at: 20 พ.ค. 2025 13:48:26

ผู้หางานค้นหางานตามเงื่อนไขSuper ResumeMy JOBTOPGUN
ผู้ประกอบการผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบลงประกาศรับสมัครงาน
เกี่ยวกับเราคำถามที่พบบ่อยร่วมงานกับเราติดต่อเรา
เงื่อนไขการให้บริการนโยบายการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลข้อตกลงการใช้บริการ
หางานตามพื้นที่ที่ถูกค้นหาบ่อย
  • งาน กรุงเทพมหานคร
  • งาน นครปฐม
  • งาน นนทบุรี
  • งาน ปทุมธานี
  • งาน สมุทรปราการ
  • งาน สมุทรสาคร
  • งาน อยุธยา
  • งาน สระบุรี
  • งาน ราชบุรี
  • งาน ประจวบคีรีขันธ์
  • งาน กาญจนบุรี
  • งาน เพชรบุรี
  • งาน ขอนแก่น
  • งาน นครราชสีมา/โคราช
  • งาน อุดรธานี
  • งาน อุบลราชธานี
  • งาน มหาสารคาม
  • งาน หนองคาย
  • งาน ชลบุรี
  • งาน ระยอง
  • งาน ฉะเชิงเทรา
  • งาน จันทบุรี
  • งาน ปราจีนบุรี
  • งาน ภูเก็ต
  • งาน หาดใหญ่
  • งาน สุราษฏร์ธานี
  • งาน กระบี่
  • งาน พังงา
  • งาน นครศรีธรรมราช
  • งาน เชียงใหม่
  • งาน พิษณุโลก
  • งาน เชียงราย
  • งาน ลำพูน
  • งาน นครสวรรค์
  • งาน ลำปาง
  • งาน นิคมอมตะ
  • งาน นิคมบางปู
  • งาน นิคมอีสเทิร์นซีบอร์ด
  • งาน นิคมโรจนะ
  • งาน นิคมลาดกระบัง
  • งาน นิคมมาบตาพุด
  • งาน นิคมแหลมฉบัง
  • งาน นิคม 304
  • งาน นิคมเวลโกรว์
  • งาน นิคมไฮเทค
  • งาน นิคมบางปะอิน
  • งาน นิคมเหมราช
งานที่ถูกค้นหาบ่อย
  • งาน ประสบการณ์ 5 ปี
  • งาน นักศึกษาจบใหม่
  • งาน เงินเดือน 100,000
  • งาน ปวช. ปวส.
  • งาน ใกล้ BTS
  • งาน ใกล้ MRT
  • งาน โรงแรม
  • งาน ธนาคาร
  • งาน ห้าง
  • หางานตามอาชีพ
  • หางานตามพื้นที่ทำงาน
  • หางานตามวุฒิการศึกษา
  • หางานทั้งหมด
  • หางานตามตำแหน่ง
  • รวมตำแหน่งงานน่าสนใจ

แหล่งหางานนักศึกษาจบใหม่ กับบริษัทชั้นนำทั่วประเทศ

‘Super Resume’ เรซูเม่สมัครงานเด็กจบใหม่
ที่ช่วยให้คุณยืนหนึ่ง
โอกาสถูกเรียกสัมภาษณ์มากกว่า

สร้างเรซูเม่ของคุณเลย ฟรี!
เด็กจบใหม่
background

ค้นหางานสำหรับนักศึกษาจบใหม่

ค้นหางานจบใหม่ตามสายอาชีพ

ค้นหางานจบใหม่ตามคณะ

ค้นหางานจบใหม่ตามพื้นที่pin

jf
การตลาด
jf
ทรัพยากรบุคคล
jf
ไอที / คอมพิวเตอร์
jf
การเงิน
jf
วิศวกร
jf
บัญชี
jf
การคมนาคมขนส่ง
jf
โฆษณา / ประชาสัมพันธ์ / นิเทศศาสตร์
jf
ออกแบบ / สถาปนิก
jf
งานขาย
jf
กฎหมาย
jf
การเกษตรกรรมและทรัพยากรธรรมชาติ
jf
การค้าระหว่างประเทศ
jf
การศึกษา / การฝึกอบรม
jf
จัดซื้อ
jf
ช่างเทคนิค
jf
ท่องเที่ยว งานโรงแรม งานอาหารและเครื่องดื่ม
jf
ธุรการ
jf
บริการลูกค้า
jf
ผู้บริหารระดับสูง
jf
มนุษยศาสตร์
jf
เลขานุการ
jf
วิจัยและพัฒนา / วิทยาศาสตร์
jf
ศิลปกรรมศาสตร์
jf
เศรษฐศาสตร์
jf
สังคมสงเคราะห์
jf
ฝ่ายผลิต / ผลิตภัณฑ์
jf
เภสัชกร / แพทย์ / สาธารณสุข
ดูงานตามสายอาชีพทั้งหมด
jf
คณะบัญชี / บริหารธุรกิจ / เศรษฐศาสตร์
jf
คณะสหเวชศาสตร์ / เทคนิคการแพทย์ / เภสัชศาสตร์
jf
คณะนิติศาสตร์
jf
คณะวิศวกรรมศาสตร์
jf
คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
jf
คณะอักษรศาสตร์ / มนุษยศาสตร์ / สังคมศาสตร์
jf
คณะศิลปกรรมศาสตร์ / ศิลปศาสตร์ / นิเทศศาสตร์
jf
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
jf
คณะเกษตรศาสตร์
jf
ปวช. / ปวส. / ช่างเทคนิค
ดูงานตามสายอาชีพทั้งหมด
jf
งานใกล้รถไฟฟ้า BTS
jf
งานใกล้รถไฟฟ้า MRT
กระบี่
กรุงเทพมหานคร
กาญจนบุรี
กาฬสินธุ์
กำแพงเพชร
ขอนแก่น
จันทบุรี
ฉะเชิงเทรา
ชลบุรี
ชัยนาท
ชัยภูมิ
ชุมพร
เชียงราย
เชียงใหม่
ตรัง
ตราด
ตาก
นครนายก
นครปฐม
นครพนม
นครราชสีมา
นครศรีธรรมราช
นครสวรรค์
นนทบุรี
นราธิวาส
น่าน
บึงกาฬ
บุรีรัมย์
ปทุมธานี
ประจวบคีรีขันธ์
ปราจีนบุรี
ปัตตานี
พระนครศรีอยุธยา
พะเยา
พังงา
พัทลุง
พิจิตร
พิษณุโลก
เพชรบุรี
เพชรบูรณ์
แพร่
ภูเก็ต
มหาสารคาม
มุกดาหาร
แม่ฮ่องสอน
ยโสธร
ยะลา
ร้อยเอ็ด
ระนอง
ระยอง
ราชบุรี
ลพบุรี
ลำปาง
ลำพูน
เลย
ศรีสะเกษ
สกลนคร
สงขลา
สตูล
สมุทรปราการ
สมุทรสงคราม
สมุทรสาคร
สระแก้ว
สระบุรี
สิงห์บุรี
สุโขทัย
สุพรรณบุรี
สุราษฎร์ธานี
สุรินทร์
หนองคาย
หนองบัวลำภู
อ่างทอง
อำนาจเจริญ
อุดรธานี
อุตรดิตถ์
อุทัยธานี
อุบลราชธานี
ดูงานตามสายอาชีพทั้งหมด

การหางานที่ใช่สำหรับเด็กจบใหม่ ไม่ใช่เรื่องยาก

แค่เพียงสำรวจและทำความรู้จักกับความถนัด และความสามารถที่ตัวเองมี ก็สามารถเข้ามาเลือกค้นหางานที่ตอบโจทย์กับตนเองได้ง่าย ๆ หรือค้นหางานตามสายอาชีพที่ต้องการ   รวมถึงเลือกค้นหางานนักศึกษาจบใหม่ในพื้นที่ที่สะดวกสบายต่อการเดินทางของคุณ เพื่อให้ได้งานที่ใช่ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ อ่านต่อ

คุณเหมาะกับสายอาชีพไหน?

ค้นหาสายงานที่เหมาะกับตัวตนของคุณผ่าน ดนตรี กีฬา งานอดิเรก
ค้นหางานที่เหมาะกับคุณ
ทักษะที่ควรมี

ทักษะความสามารถที่แต่ละสายอาชีพควรมี

สายอาชีพต่างๆ กับความสามารถที่นักศึกษาควรมี


มาค้นหาสายงานและอาชีพต่าง ๆ ที่เหมาะกับตัวตนของคุณที่ JOBTOPGUN

เรามีแบบสำรวจที่จัดทำขึ้นเพื่อให้คนที่กำลังหางานเด็กจบใหม่ได้รู้ว่า งานของแต่ละสายอาชีพเป็นอย่างไร ข้อดี-ข้อเสีย ที่เป็นเสน่ห์ของสายอาชีพนี้ หรือทักษะความสามารถที่ HR ต้องการใน  แต่ละสายอาชีพมีอะไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการเลือกสายงานที่เหมาะสมกับความสามารถที่ตัวเองมี ช่วยเตรียมความพร้อมก่อนจะเข้าสู่โลกแห่งการทำงานจริง อ่านต่อ

หางานจบใหม่ต้องอ่าน!

JOBTOPGUN รวมเรื่องน่าสนใจในโลกการทำงานสำหรับ First Jobber
ดูบทความทั้งหมด

โลกการทำงานสำหรับ First Jobber

หรือคนที่กำลังอยากเปลี่ยนงานใหม่ให้เจ๋งกว่าเก่า ได้เข้ามาอ่านบทความดี ๆ เพื่อเป็นแนวทางเตรียมความพร้อมให้ตัวเองได้เลือกงานที่ชอบ บริษัทที่ใช่ ได้เงินเดือนปัง และมีสวัสดิการที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ  

Super Resume ช่วยหางานง่ายขึ้น

ทำเรซูเม่ให้โดดเด่นกว่าใคร

  • magnetic icon
    ให้บริษัทชั้นนำเห็นจุดแข็งของคุณ
  • magnetic icon
    นำเสนอตัวตนของคุณได้อย่างโดดเด่น
  • magnetic icon
    ช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณได้งานแน่นอน
เริ่มทำเรซูเม่เลย
Ep. 1 | Traditional Resume vs. Super Re…super resume icon

Ep. 1 | Traditional Resume vs. Super Re…

Super Resume
Ep. 2 | Super Resume ให้คุณยืนหนึ่งยังไงsuper resume icon

Ep. 2 | Super Resume ให้คุณยืนหนึ่งยังไง

Super Resume

Super Resume กุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณถูกเรียกสัมภาษณ์

สำหรับคนจบใหม่ที่อยากได้งานดี ๆ จากบริษัทชั้นนำ มาใช้ Super Resume ของ JOBTOPGUN ที่ช่วยคุณสร้างเรซูเม่ เอกสารสมัครงานสำหรับนักศึกษาจบใหม่ ให้ดูดีอย่างมืออาชีพ สามารถนำเสนอตัวตน  

เตรียมความพร้อมให้นักศึกษา ก่อนออกสู่โลกการทำงาน

เตรียมความพร้อมให้นักศึกษา ก่อนออกสู่โลกการทำงาน

ผ่านงานบรรยาย workshop “เขียนเรซูเม่ให้ปัง... จบใหม่ยังไงให้ได้งาน” พร้อมเทคนิควิธีในการ เตรียมตัวสัมภาษณ์ด้วยวิทยากรคุณภาพและ มีประสบการณ์ตรงจาก JOBTOPGUN

line iconติดต่อเรา

ทำความรู้จัก Dream Company

บริษัทในฝันน่าสมัครงาน ของเด็กจบใหม่
######
######
ดู Dream Company ทั้งหมด
Company Photo

บริษัท เอจีซี แฟลทกลาส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

9รีวิว4.5คะแนนเฉลี่ย
clover-leaf
clover-leaf
Dream Company

“-”
-

ชีวิตดี4.4
งานดี3.9
เงินดี3.3
สังคมดี 3.9
อ่านรีวิวอ่าน HR SAY
Company Photo

บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด

23รีวิว5คะแนนเฉลี่ย
clover-leaf
clover-leaf
clover-leaf
Dream Company

“สวัสดีการดีมั้งพนักงานรวมถึงครอบครัว”

ชีวิตดี3.9
งานดี4.4
เงินดี3.2
สังคมดี 3.9
อ่านรีวิวอ่าน HR SAY
Company Photo

บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด

26รีวิว4.5คะแนนเฉลี่ย
clover-leaf
clover-leaf
Dream Company

“เป็นบริษัทที่งานเยอะที่สุดตั้งแต่เคยทำมาหลายๆที่ แต่สวัสดิการดีมั่นคง ดูแลพนักงานดีมากๆ”
ได้ความรู้เยอะ เงินเดือนขึ้นทุกปี แนะนำค่ะ

ชีวิตดี4.1
งานดี4.3
เงินดี3.7
สังคมดี 3.5
อ่านรีวิวอ่าน HR SAY
Company Photo

บริษัท อิออน (ไทยแลนด์) จำกัด

7รีวิว4คะแนนเฉลี่ย
clover-leaf
clover-leaf
Dream Company

“ให้โอกาสในการพัฒนาของพนักงานทุกระดับ”

ชีวิตดี3.8
งานดี4
เงินดี3.3
สังคมดี 3.3
อ่านรีวิวอ่าน HR SAY
Company Photo

บริษัท ยิบอินซอยและบริษัทในเครือ/บริษัท ยิบอินซอย จำกัด

12รีวิว4.5คะแนนเฉลี่ย
clover-leaf
clover-leaf
Dream Company

“สวัสดิการดี”
องค์กรดีสนุกสนาน

ชีวิตดี4
งานดี3.6
เงินดี3
สังคมดี 3.9
อ่านรีวิวอ่าน HR SAY
Company Photo

บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน)

21รีวิว4.5คะแนนเฉลี่ย
clover-leaf
clover-leaf
Dream Company

“สวัสดีการดี”

ชีวิตดี3.7
งานดี3.7
เงินดี2.9
สังคมดี 4
อ่านรีวิวอ่าน HR SAY
Company Photo

บริษัท คากะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด

7รีวิว4.5คะแนนเฉลี่ย
clover-leaf
clover-leaf
Dream Company

“สวัสดิการดี”
ทำงาน5วัน หยุด2วัน /1อาทิตย์ โบนัสปีละ2ครั้ง

ชีวิตดี3.6
งานดี4.2
เงินดี3.7
สังคมดี 3.8
อ่านรีวิวอ่าน HR SAY
Company Photo

บริษัท ร้อกเวิธ จำกัด (มหาชน)

5รีวิว5คะแนนเฉลี่ย
clover-leaf
clover-leaf
clover-leaf
Dream Company

“มีสังคมการทำงานที่ดี”

ชีวิตดี4.7
งานดี4.2
เงินดี3.2
สังคมดี 4.3
อ่านรีวิวอ่าน HR SAY
Company Photo

บริษัท คิวพี (ประเทศไทย) จำกัด

6รีวิว4.5คะแนนเฉลี่ย
clover-leaf
clover-leaf
Dream Company

“โบนัสดีมาก”

ชีวิตดี3.6
งานดี4.1
เงินดี4.1
สังคมดี 3.4
อ่านรีวิวอ่าน HR SAY
Company Photo

บริษัท โทคิน อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด

12รีวิว4.5คะแนนเฉลี่ย
clover-leaf
clover-leaf
Dream Company

“งานท้าทาย หัวหน้าและนายให้โอกาสอยู่เสมอ เพื่อนร่วมงานดีมาก”
ตั้งแต่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท รู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านอีกหลัง ได้รู้จักคุ้นเคยกับ เพื่อนร่วมงานที่คอยช่วยเหลือกันในทุกๆเรื่อง บริษัทดูแลพนักงานอย่างดี คอยรับฟัง สอบถามปัญหาต่างๆและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

ชีวิตดี4.2
งานดี3.8
เงินดี3.6
สังคมดี 4.1
อ่านรีวิวอ่าน HR SAY
Company Photo

บริษัท มาเยคาว่า (ประเทศไทย) จำกัด

6รีวิว5คะแนนเฉลี่ย
clover-leaf
clover-leaf
clover-leaf
Dream Company

“ดีมาก”

ชีวิตดี4.6
งานดี4.2
เงินดี3.9
สังคมดี 4.1
อ่านรีวิวอ่าน HR SAY
Company Photo

บริษัท แมกเนคอมพ์ พรีซิชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)

43รีวิว5คะแนนเฉลี่ย
clover-leaf
clover-leaf
clover-leaf
Dream Company

“ดีสบาย มีความรุ้เพิ่ม”

ชีวิตดี4
งานดี4.2
เงินดี3.4
สังคมดี 4.1
อ่านรีวิวอ่าน HR SAY

การสมัครงาน เด็กจบใหม่

หลาย ๆ คน อาจยังมีความกังวลใจ กลัวสภาพแวดล้อมของบริษัทจะไม่ตอบโจทย์ แต่หากมาสมัครงาน ที่JOBTOPGUN เรามีรีวิวบริษัทชั้นนำทั่วไทยมากมาย ผ่าน Dream Company ที่ช่วยให้คุณรู้จักบริษัท  มากขึ้นผ่านเสียงของพนักงานบริษัท ให้คุณหางานได้ง่าย ได้งานดี และตอบโจทย์ความต้องการที่เป็นตัวคุณได้สะดวกมากยิ่งขึ้น อ่านต่อ

5 ข้อต้องห้ามทำหากอยากให้เรซูเม่นั้นโดดเด่นกว่าใคร
5 ข้อต้องห้ามทำหากอยากให้เรซูเม่นั้นโดดเด่นกว่าใครเพราะเรซูเม่ หรือ ใบสมัครงานนั้น ถือว่าเป็น “ประตู” ไปสู่หน้าด่านแรกของการทำงาน ดังนั้น การมีเรซูเม่ที่ดี ก็เหมือนคุณได้ผ่านด่านเข้าไปสู่ประตูถัดๆไปเพื่อไปคัดเลือกได้ลึกขึ้นแล้วนั่นเอง วันนี้จะมาไขข้อข้องใจจากประสบการณ์ที่คลุกคลีกับวงการนี้มานาน สิ่งที่ต้องห้ามอย่าหาทำหากอยากให้เรซูเม่คุณโดดเด่นกว่าใครมีอะไรบ้าง 5 อย่างไปดูกันค่ะ 1. ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง  ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญกว่าใคร เพราะหากมีการกรอกข้อมูลที่ไม่เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์การทำงาน ทักษะ ความสามารถทั้งด้าน ดนตรี กีฬา งานอดิเรกที่ผู้เขียนกล่าวเกินจริงว่าสามารถทำได้ต่างๆ สิ่งนี้จะส่งผลเสียอย่างมากหาก HR ตัดสินใจรับคุณเข้าทำงานแล้วอาจจะให้คุณแสดงความสามารถนั้นๆ หรือให้ทำงานเกี่ยวกับทักษะ ประสบการณ์นั้นที่คุณกล่าวมาแบบเกินจริงไปนั่นเอง ดังนั้น อย่าใส่ข้อมูลเท็จเพื่อให้ประวัติคุณดูดีเด็ดขาด 2. ประสบการณ์ที่มากเกินไป ไม่ต้องร่ายยาวโดยเอาประวัติการทำงาน หรือประวัติกิจกรรมที่เคยร่วม ข้อมูลการศึกษาที่ขุดมาตั้งแต่สมัยประถม หรือมัธยมมา HR ไม่ได้พิจารณาสิ่งเหล่านั้น และอีกอย่างรับรองว่า HR จะไม่เสียเวลาไปกับข้อมูลนั้น อีกอย่าง ข้อมูลเหล่านั้นอาจจะทำให้เรซูเม่ของคุณมีพื้นที่เต็มโดยใช่เหตุเนื่องจากใส่ข้อมูลเหล่านี้ไป 3. เงินเดือนเก่าและเหตุผล อีกสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องใส่เงินเดือนเก่าและเหตุผลในการลาออกจากที่เก่า เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถระบุให้เห็นได้เมื่อเข้ามาสัมภาษณ์กับ HR นั่นเอง และยังเป็นสิ่งที่ผู้สมัครต้องเรียบเรียงให้ดีเพื่อตอบคำถามเมื่อสัมภาษณ์งานในกรณีที่คุณมีประสบการณ์การทำงานมาก่อนแล้วนั่นเอง ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องใส่เข้าไป เก็บเอาไว้เล่าเองจะดูมืออาชีพมากกว่า 4. ไฟล์เรซูเม่ที่ไม่ Professional  สิ่งที่จะบ่งบอกถึงความไม่เป็นมืออาชีพก็คือ การใช้ไฟล์เรซูเม่ไม่มาตรฐาน เช่น ส่งไฟล์เรซูเม่เป็นไฟล์ .doc โอกาสในการเปิดอ่านแล้วแบบฟอร์มคลาดเคลื่อนนั้นมีอยู่สูง รวมไปถึงไฟล์ที่มีความละเอียด แต่เหมาะกับงานด้านกราฟิคมากกว่า เช่น .ai .psd แต่มีโอกาสที่เปิดไฟล์มาแล้วอ่านไม่ได้ ดังนั้น นามสกุลไฟล์ที่แนะนำได้แก่ .pdf, jpg เป็นต้นและขนาดไม่ควรเกิน 2MB หากไฟล์ใหญ่อาจโหลดล่าช้าหรือ HR อาจโหลดไม่ได้เลย 5. รูปถ่าย Resume ไม่มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายที่เป็นรูปแฟชั่น รูปที่ใช้ใน Instagram Facebook ทำท่าทางต่างๆ ชูสองนิ้ว หรือพื้นหลังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หรือรูปที่ถ่ายหมู่ ถ่ายคู่ ห้ามเด็ดขาด เพราะบางที HR จะเห็นภาพถ่ายติด Resume ของคุณเป็นด่านแรกๆเลย จึงทำให้ HR มีสิทธิ์ปัดตกโดยไวหากรูปไม่ Professional พอนั่นเอง รูปที่เหมาะสมนั้นคือรูปถ่ายที่อยู่ในชุดพร้อมทำงาน อาจจะมีสูททับเพื่อเพิ่มความเป็นมือ และมีพื้นหลังเป็นฉากเหมือนถ่ายรูปติดบัตร พร้อมกับเสื้อผ้า หน้า ผมที่ดูดี เรียบร้อยนั่นเอง ทั้ง 5 classic mistakes นี้ก็เป็นข้อต้องห้ามอย่าหาทำจำไว้นะคะหากอยากให้เรซูเม่ของเราสะดุดตามากกว่าใครให้รีบเลี่ยง รับรองว่าผลลัพธ์ที่ตามมานั้นคุ้มค่า เรซูเม่สะดุดตาโดดเด่นกว่าใครแน่นอนค่ะ
เด็กจบใหม่ต้องอ่าน! วิธีการวางแผน Career Path ของตนเอง
เด็กจบใหม่ต้องอ่าน! วิธีการวางแผน Career Path ของตนเองสำหรับคนทำงานที่กำลังอยากเปลี่ยนงานหรือเหล่าบัณฑิตจบใหม่ที่กำลังมองหางานแล้ว การได้รับโอกาสให้เข้าไปทำงานในตำแหน่งหรืออาชีพที่ชอบคงเป็นผลลัพธ์แห่งความสำเร็จตามที่คาดหวัง หากจริง ๆ แล้วนี่ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเส้นทางด้านการงานเท่านั้น เพราะความสำเร็จที่แท้จริงนั้นอาจจะต้องมองกันยาว ๆ และอาจจะตัดสินกันด้วยการวางแผนความก้าวหน้าในสายอาชีพหรือ Career Path โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ทำงาน “วิธีการวางแผน Career Path ของตนเอง” คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้อนาคตแห่งความสำเร็จในโลกของการทำงานนั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เทคนิคการวางแผน Career Path ง่าย ๆ สำหรับเด็กจบใหม่ Career Path คืออะไร? Career Path” หมายถึง “เส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ” เปรียบเสมือนเข็มทิศที่ช่วยให้รู้ว่าเรากำลังทำอะไร ต้องการเติบโตไปในทิศทางไหน เป้าหมายสูงสุดในการทำงานคืออะไร และทำอย่างไรเราจึงจะเดินไปสู่จุดหมายนั้นได้อย่างมั่นคง พูดง่าย ๆ ก็คือ การวางแผนอนาคตในการทำงานทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจในชีวิตการทำงาน เหมือนกับการเล่นเกมผ่านแต่ละด่านจนไปถึงการปราบลาสต์บอสในด่านสุดท้าย โดยที่ด่านสุดท้ายของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันไป ทั้งการก้าวหน้าเลื่อนขั้นไปสู่ตำแหน่งสูงสุด การได้รับผิดชอบงานสำคัญที่สร้างความภาคภูมิใจ ไปจนถึงการได้ทำในสิ่งที่รักและมีความสุขกับการทำงานอย่างแท้จริงไม่เพียงมีความสำคัญกับเหล่าคนทำงานเท่านั้น แต่ Career Path ยังเป็นเครื่องมือที่ดีของบริษัทและองค์กรต่าง ๆ ในการช่วยให้พนักงานมีความก้าวหน้าในสายอาชีพ สร้างแรงจูงใจให้มีการพัฒนาตนเองเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กร ซึ่งจะนำพาประโยชน์มาสู่องค์กรเพิ่มขึ้น เรียกว่าวิน-วินกันทั้งตัวพนักงานที่ได้รับความก้าวหน้าและองค์กรที่ได้ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง วางแผน Career Path ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง แม้จะยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงานจริง แต่สำหรับน้อง ๆ เด็กจบใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ชีวิตทำงาน การวางแผน Career Path ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้เรามองเห็นทิศทางอนาคตในสายอาชีพที่มุ่งหวังได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจริง ๆ แล้ววิธีการวางแผนเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพสามารถสร้างเองได้ไม่ยาก เพื่อให้อนาคตในการทำงานที่สดใสสวยงามนั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม                รู้จักและรู้ใจตัวเอง ก่อนอื่นเริ่มต้นจากการทำความรู้จักตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ค้นหาว่าเราชอบอะไร สนใจสิ่งไหนเป็นพิเศษ ถนัดการทำงานในด้านใด แล้วเรามีทักษะ ความรู้ ความสามารถ มีจุดแข็งจุดอ่อนตรงไหนบ้างที่จะช่วยให้เราสามารถทำสิ่งที่ชอบนี้ได้ดี เพื่อเป็นการค้นพบศักยภาพและคุณค่าของตัวเอง หรืออาจจะลองทำกิจกรรมอื่น ๆ ให้หลากหลาย ทดลองทำสิ่งใหม่ ๆที่ไม่เคยทำ ซึ่งอาจพาเราไปเจอเส้นทางใหม่หรือค้นพบความถนัดที่ไม่เคยรู้ว่ามี                พัฒนาทักษะที่มีให้ดียิ่งขึ้น เมื่อค้นพบสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ใช่แล้ว หากยังไม่แน่ใจว่าทักษะความรู้ความสามารถของเราดีและแน่นพอแล้วหรือยัง การเรียนรู้ เทคคอร์ส ฝึกฝน เพิ่มเติมทักษะต่าง ๆ ย่อมทำให้เราไปสู่เส้นทางการทำงานที่หวังไว้ได้มากยิ่งขึ้น โดยอาจจะลองศึกษาด้วยตนเอง ยิ่งในปัจจุบันโลกอินเตอร์เน็ตเปิดกว้างให้เรียนรู้ได้ไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งคอร์สเรียนออนไลน์ อบรมสัมมนาต่าง ๆ จะยิ่งช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ พร้อมทั้งยกระดับความรู้ความสามารถของเราให้ก้าวไปสู่อาชีพในฝันได้ไม่ยาก                วางแผนและกำหนดเป้าหมายในการทำงาน ถ้าเรามั่นใจในความสามารถของตัวเองอย่างชัดเจน ลองวางแผนและกำหนดเป้าหมายต่อไป โดยอาจจะลองเขียนออกมาเป็นข้อ ๆ ว่าสิ่งที่ต้องการในการทำงานคืออะไร ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น สิ่งที่อยากทำให้สำเร็จในอีก 6 เดือน หรือ 1 ปี ข้างหน้า หรือเรามองเห็นตัวเองกำลังทำงานแบบไหน ในตำแหน่งอะไร แล้วอะไรที่จะทำให้เราไปถึงจุดนั้นได้ ความสุขและความสำเร็จสูงสุดในชีวิตการทำงานของเราอยู่ตรงจุดไหน เพื่อให้เกิดแรงจูงใจและกระตุ้นตัวเองให้ไปสู่จุดนั้น หรือหากไม่มั่นใจว่าเราวางแผนได้ถูกต้องขนาดไหน ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือคนทำงานที่มีประสบการณ์ในด้านนั้น ๆ ซึ่งอาจมีคำแนะนำที่ดีและมีประโยชน์กับเราอย่างคาดไม่ถึง                ค้นหาองค์กรและตำแหน่งงานที่ตรงใจ น้อง ๆ เด็กจบใหม่ส่วนใหญ่คงจะมีบริษัทหรือองค์กรในฝันที่เล็งไว้ ก่อนจะตัดสินใจลองศึกษาทำความรู้จักองค์กรนั้น ๆ ดูก่อน ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติพนักงานที่ต้องการ ข้อกำหนดด้านวุฒิการศึกษาต่าง ๆ ระบบการทำงาน ไปจนถึงอัตราเงินเดือนเฉลี่ย ว่าเป็นไปตามที่เราต้องการมากน้อยแค่ไหน เพื่อนำมาปรับให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการทำงานของเรา และยังทำให้เรามองเห็นโอกาสในการเข้าไปทำงานมากขึ้น เรียกว่าเป็นเหมือนการเลือกถนนที่มั่นคงที่จะพาเราสู่ความสำเร็จที่หวังไว้นอกจากนี้ ลองมองหาตำแหน่งงานในสายอาชีพที่เราชอบแบบกว้าง ๆ แล้วพิจารณาสายงานที่เกี่ยวข้องแยกย่อยออกไปให้ลึกซึ้งเจาะจง เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานให้มากขึ้น เช่น สายงานการตลาด ที่มีตำแหน่งหลากหลาย ทั้งผู้จัดการการตลาด นักวิเคราะห์การตลาด ผู้จัดการฝ่ายโฆษณา ไปจนถึงฝ่ายประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีรายละเอียดและหน้าที่ความรับผิดชอบแตกต่างกัน ไม่แน่ว่าเราอาจได้โอกาสทำงานในตำแหน่งที่เหมาะกับตัวตนของเรามากกว่าที่คิดก็ได้                ทำงานอย่างเต็มที่และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ถึงเวลาที่ได้เข้าไปทำงานอย่างเต็มตัวแล้ว สิ่งสำคัญคือ การตั้งใจทำงานอย่างเต็มความสามารถ แสดงศักยภาพที่เรามีให้เต็มที่ เมื่อหัวหน้างานหรือองค์กรมองเห็น โอกาสก้าวไปสู่ตำแหน่งหรือการเติบโตในสายงานก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปด้วย ที่สำคัญอย่าลืมหันกลับมาตรวจสอบเป้าหมายและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ พยายามเรียนรู้หรือฝึกฝนเพิ่มเติมในส่วนที่ยังขาดตกบกพร่อง เพื่อให้เส้นทางการทำงานเจริญก้าวหน้า มุ่งสู่อนาคตแห่งความสำเร็จได้ในที่สุดน้อง ๆ เด็กจบใหม่ที่กำลังวางแผน Career Path ของตัวเอง หรือคนที่กำลังมองหางาน ไปหาข้อมูลและค้นหาตำแหน่งงานดี ๆ ได้ที่ www.jobtopgun.com หรือไปอ่านรีวิวบริษัทชั้นนำต่าง ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจได้ที่ www.yousayhrsay.com
เขียน เรซูเม่ ยังไงให้ปัง ฉบับเด็กจบใหม่
เขียน เรซูเม่ ยังไงให้ปัง ฉบับเด็กจบใหม่เรียกว่าเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญในการสมัครงาน ไม่ว่าจะเป็นคนที่กำลังจะเปลี่ยนงานหรือเหล่าบัณฑิตจบใหม่ที่ต้องใช้ยื่นนำเสนอตัวเองในการสมัครงานที่หวังไว้ สำหรับ “เรซูเม่” (Resume) หรือประวัติส่วนตัวที่สรุปคุณสมบัติ ความสามารถ และประสบการณ์การทำงานของผู้สมัครงานอย่างกระชับ ซึ่งการเขียนเรซูเม่ให้โดดเด่นโดนใจฝ่ายบุคคลก็ไม่ใช่เพียงแค่การเขียนให้สั้นเข้าไว้เท่านั้น แต่ยังมีเทคนิคและเคล็ดลับสร้างเรซูเม่ให้ “ปัง” เพื่อให้มีโอกาสได้รับเลือกเข้าทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะเด็ก ๆ จบใหม่ที่กำลังต้องเขียนเรซูเม่แรกของตัวเอง เรารวบรวมวิธี “เขียน ‘เรซูเม่’ ยังไงให้ปัง ฉบับเด็กจบใหม่” มาให้ไว้ที่นี่แล้ว เด็กจบใหม่ควรนำเสนอตัวเองผ่านเรซูเม่อย่างไรให้ได้งาน Resume คืออะไร แตกต่างกับ CV ขนาดไหน? ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันก่อนว่า “เรซูเม่” (Resume) คือ เอกสารที่สรุปประวัติส่วนตัวโดยย่อ ทั้งการศึกษา การทำงาน ทักษะ ความสามารถ และประสบการณ์ต่าง ๆ และสามารถปรับเปลี่ยนเนื้อหาเพื่อให้เกี่ยวข้องกับงานที่ต้องการสมัคร เพื่อนำเสนอตัวตนให้คนอื่น (ฝ่ายบุคคล) ได้ทำความรู้จักได้ภายใน 1-2 หน้ากระดาษ ซึ่งมีความแตกต่างกับ “CV” หรือ Curriculum Vitae ที่หมายถึง เอกสารประวัติที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการศึกษา ความสามารถ ประสบการณ์ทำงาน รางวัลและความสำเร็จต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านวิชาการ เช่น งานวิจัย การแข่งขันต่าง ๆ ทั้งนี้ วิธีการเขียนมักจะบรรยายไปตามช่วงเวลาต่าง ๆ ในชีวิตอย่างละเอียด สมกับมาจากรากศัพท์ภาษาละตินที่แปลว่า เรื่องราวชีวิต (หรือชีวประวัติ) และสามารถเขียนได้เต็มที่มากกว่า 2 หน้ากระดาษขึ้นไป และไม่มีการจำกัดความยาวของหน้าเหมือนเรซูเม่สำหรับการสมัครงานโดยทั่วไปในประเทศไทยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จะนิยมใช้เรซูเม่มากกว่า CV ที่เน้นใช้กับการยื่นสมัครงานทางด้านวิชาการ งานวิจัย หรือเพื่อใช้ในการศึกษาต่อและการสอบแข่งขันในด้านต่าง ๆ ที่ต้องการข้อมูลและรายละเอียดที่บ่งบอกทัศนคติและพฤติกรรมของบุคคลนั้น ๆ แบบเจาะลึก 7 เทคนิควิธีเขียน Resume ให้ “ปัง” แบบโดดเด่น โดนใจ ได้งาน เด็กจบใหม่ที่กำลังเริ่มต้นสร้างเรซูเม่ของตัวเองกันอยู่ในตอนนี้ ลองนำ 7 เทคนิควิธีเขียน Resume ให้ออกมาสุดปัง แบบที่เรียกว่า โดดเด่น โดนใจ ได้งานชัวร์ ที่เรารวบรวมมาให้ไปใช้กันดู 1) สั้นกระชับครบจบใน 1 หน้า สำหรับบัณฑิตจบใหม่ควรเขียนเรซูเม่ให้สั้น กระชับ ขัดเจน ครบจบใน 1 หน้า กระดาษ (A4) ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเอกสารหรือไฟล์ดิจิตอล โดยเน้นข้อมูลที่จำเป็นและมีประโยชน์ โดยเฉพาะทักษะ ความสามารถ ประสบการณ์ และความสำเร็จที่เกี่ยวข้องกับงานที่กำลังจะสมัคร เพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณาคัดเลือกของฝ่ายบุคคลที่อาจไม่มีเวลาในการอ่านประวัติผู้สมัครงานมากนัก (แต่ถ้ารายละเอียดเยอะจริงๆ ก็ควรอยู่ในความยาวไม่เกิน 2 หน้ากระดาษ) 2) นำเสนอตัวตนให้น่าสนใจ การเขียนนำเสนอตัวตนให้โดดเด่นน่าสนใจ โดยเน้นที่เนื้อหาหลัก ๆ ที่เกี่ยวกับทักษะและความสามารถพิเศษ รวมไปถึงทัศนคติที่แสดงถึงความถนัดและตัวตนของเราได้ดียิ่งขึ้น ลองใช้การเน้นหรือสรุปข้อความไว้บนสุดของเรซูเม่และเน้นข้อความให้เห็นชัดเจน (แต่ไม่ยาวเกินไป ควรอยู่ที่ประมาณ 3-5 บรรทัด) หรือเลือกใช้เทมเพลตที่มีการแบ่งสัดส่วนในหน้ากระดาษดี ๆ เพื่อให้ข้อความสำคัญของเราชัดเจนเห็นง่ายขึ้นไปอีก 3) ดึงดูดใจด้วยความสามารถพิเศษ (ที่ทำได้จริง) พยายามใส่ข้อมูลเกี่ยวกับทักษะหรือความสามารถพิเศษที่เรามี นอกเหนือไปจากความรู้และวุฒิการศึกษา อาทิ ทักษะด้านภาษาต่างประเทศ ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ทักษะด้านการบัญชี ทักษะด้านไอที ทักษะด้านการสื่อสาร เป็นต้น ที่สำคัญต้องเป็นทักษะความสามารถที่เราทำได้จริงเท่านั้น เพราะการโกหกตั้งแต่ยื่นใบสมัครย่อมไม่ส่งผลดีตามมา หากเราได้งานนั้นจริง ๆ 4) เพิ่มทักษะที่จำเป็นในยุคนี้ ในยุคที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบบนี้ การเพิ่มทักษะความสามารถที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิตอลและโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ก็จะช่วยให้เรามีแต้มต่อมากขึ้น เพราะแทบทุกสายงานในองค์กรส่วนใหญ่ก็ต้องใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ต่างกัน นอกจากนี้ ลองเพิ่มเติมข้อมูลด้วยทักษะ Soft Skills ที่เกี่ยวกับลักษณะนิสัยและทักษะการอยู่ร่วมกับสังคม เช่น ความฉลาดทางอารมณ์ ความเป็นผู้นำ ทักษะการบริหาร การทำงานเป็นทีม และความสามารถในการยืดหยุ่นและปรับตัว ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่หลากหลายองค์กรชั้นนำมองหา 5) เน้นความสำเร็จที่ผ่านมา นอกจากทักษะความสามารถต่างๆ แล้ว ข้อมูลที่ควรมีเพิ่มความน่าสนใจคือ กิจกรรม รางวัล และความสำเร็จที่ผ่านมา เพราะนี่คือสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าเรามีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการทำงานในชีวิตจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีประโยชน์ ประสบการณ์การฝึกงาน การเข้าอบรมคอร์สต่างๆ รางวัลและประกาศนียบัตรที่เคยได้รับ เหล่านี้ล้วนส่งผลให้เรซูเม่ของเราโดดเด่นขึ้นมาได้ไม่มากก็น้อย 6) รูปแบบเรซูเม่คือสิ่งสำคัญ แม้จะดูเป็นเรื่องของสไตล์ส่วนตัว แต่การเลือกรูปแบบและสีสันของเรซูเม่ก็ส่งผลต่อการได้งานมากกว่าที่คิด เรซูเม่ที่ดีควรอ่านง่าย สบายตา เน้นให้เข้าถึงข้อมูลชัดเจน โดยใช้สีสันเรียบๆ เน้นสีขาว ดำ หรือเทา เพื่อให้ดูสุภาพและเป็นทางการ การใช้สีฉูดฉาดหรือเล่นสีมากเกินไปจะทำให้กวนสายตาและอาจถูกปัดตกไปอย่างน่าเสียดาย 7) ใช้ภาษาเป็นทางการและอย่าลืมตรวจคำผิด สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้และไม่ใช่ความบกพร่องเล็กน้อยที่จะมองข้ามได้คือ การใช้ภาษาเป็นทางการ ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ และไม่ควรมีคำผิดหรือตกหล่น เพราะเราซูเม่เปรียบได้กับตัวแทนของเราโดยตรง นอกจากนี้ อย่าลืมตรวจทานข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อ-สกุลที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ ให้ถูกต้องทุกจุด เพื่อไม่ให้เราต้องพลาดงานที่ฝันไว้ไปเพราะฝ่ายรับสมัครงานไม่สามารถติดต่อได้นั่นเอง เขียนเรซูเม่สุดปังเสร็จแล้วก็ไปค้นหางานที่ใช่ในหลากหลายสาขาอาชีพได้ที่ www.jobtopgun.com หรือจะไปอ่านรีวิวบริษัทชั้นนำต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงเรซูเม่ของเราให้เหมาะสมยิ่งขึ้นได้ที่ www.yousayhrsay.com
เทคนิคตอบคำถามสมัครงานอย่างไรให้ได้ใจ HR
เทคนิคตอบคำถามสมัครงานอย่างไรให้ได้ใจ HRการสัมภาษณ์งานเป็นกระบวนการสำคัญที่ผู้สมัครทุกคนต้องเผชิญ เมื่อถึงเวลาที่ต้องตอบคำถามจากฝ่ายบุคคล หลายคนอาจรู้สึกกังวลหรือกลัวที่จะตอบผิด ทำให้ไม่สามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะการตอบคำถามในการสัมภาษณ์ไม่ใช่แค่การตอบคำถามทั่วไป แต่ยังเป็นการสะท้อนทัศนคติและความคิดของคุณต่อการทำงานในอนาคต เพราะฉะนั้น การเตรียมตัวให้ดีและตอบคำถามอย่างมั่นใจจึงเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งาน นี่คือเทคนิคที่สามารถช่วยคุณเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งาน เตรียมตัวให้พร้อมตอบ 5 คำถามสัมภาษณ์งานที่เจอบ่อย ๆ         1. แนะนำตัวเองสั้น ๆ              หนึ่งในคำถามที่มักจะเจอเมื่อเริ่มต้นสัมภาษณ์งานคือ “แนะนำตัวเองหน่อยค่ะ/ครับ” คำถามนี้ดูเหมือนจะง่าย แต่จริง ๆ แล้วเป็นคำถามที่ต้องเตรียมตัวให้ดี การแนะนำตัวที่ดีควรสั้น กระชับ และมีประสิทธิภาพ คุณต้องสามารถแนะนำตัวเองภายใน 2 - 3 นาที โดยสามารถกล่าวถึงข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ การศึกษา และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง ถ้าคุณไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อน คุณสามารถพูดถึงกิจกรรมที่เคยทำในมหาวิทยาลัยหรือการฝึกงานที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครได้              สิ่งที่สำคัญคือต้องแสดงจุดแข็งของตัวเองให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นทักษะเฉพาะด้าน หรือความสำเร็จในงานที่ผ่านมา การแนะนำตัวให้ดีจะช่วยให้ฝ่ายบุคคลรู้จักคุณได้เร็วและสามารถประเมินศักยภาพของคุณได้ภายในเวลาสั้น ๆ         2. ทำไมถึงอยากมาทำงานกับเรา              คำถามนี้สามารถเตรียมตัวได้ล่วงหน้าและเป็นโอกาสที่ดีในการแสดงให้เห็นว่าคุณได้ทำการบ้านมาดีแค่ไหน คำตอบที่ดีควรแสดงให้เห็นว่าคุณศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทแล้ว และสามารถอธิบายได้ว่าอะไรที่ทำให้คุณอยากเข้ามาทำงานกับบริษัทนั้น ๆ อาจจะเป็นชื่อเสียงของบริษัท ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น หรือแม้กระทั่งความสามารถในการเติบโตในองค์กรนั้น ๆ              การพูดถึงข้อมูลที่คุณรู้เกี่ยวกับบริษัท เช่น วิสัยทัศน์ของบริษัท หรือผลงานที่บริษัทประสบความสำเร็จ จะช่วยแสดงให้เห็นว่าคุณมีความสนใจจริงจังและเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้คุณได้งานมากขึ้น         3. จุดแข็งและจุดอ่อนของคุณคืออะไร              คำถามนี้เป็นโอกาสที่ดีในการแสดงให้เห็นถึงความสามารถและความตั้งใจในการพัฒนา ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดถึงจุดแข็งที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร เช่น ความสามารถในการทำงานภายใต้ความกดดัน หรือการทำงานเป็นทีมได้ดี หากสมัครตำแหน่ง Marketing คุณอาจจะพูดถึงทักษะในการแข่งขันและการหามุมมองใหม่ ๆ              ส่วนจุดอ่อนนั้น ควรเลือกสิ่งที่คุณกำลังพัฒนาอยู่ เช่น ความสามารถในการจัดการเวลา หรือการพูดในที่สาธารณะ และควรบอกว่าได้เริ่มพัฒนาตัวเองอย่างไรบ้าง เช่น เข้าร่วมคอร์สฝึกอบรม หรือการอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาทักษะนั้น ๆ คำตอบนี้จะช่วยให้ HR เห็นว่าคุณเป็นคนที่รู้จักพัฒนาและเติบโตไปพร้อมกับงาน         4. ทำไมต้องเลือกคุณ              เมื่อถูกถามคำถามนี้ คุณควรเน้นการตอบที่เกี่ยวกับทักษะและประสบการณ์ที่ทำให้คุณแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่น ๆ ควรตอบให้ชัดเจนว่าทักษะและประสบการณ์ของคุณจะช่วยให้คุณสามารถทำงานในตำแหน่งนั้นได้ดี เช่น การมีประสบการณ์ในด้านการบริหารโปรเจค หรือทักษะด้านการสื่อสารที่ดี ควรยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เป็นรูปธรรม เช่น โครงการที่คุณทำสำเร็จในอดีต เพื่อให้คำตอบมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากขึ้น              การแสดงความมั่นใจในตัวเองและทักษะที่คุณมี จะช่วยให้ HR มองเห็นถึงความเหมาะสมของคุณในตำแหน่งงานนั้น ๆ         5. คุณรับมือกับความกดดันความเครียดอย่างไร              คำถามนี้มักถูกถามเพื่อดูว่าคุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่มีความเครียดหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ทำงานได้อย่างไร คำตอบที่ดีคือการอธิบายเหตุการณ์จริงที่คุณเคยประสบความเครียด จากนั้นบอกถึงวิธีการที่คุณใช้ในการรับมือกับความเครียดนั้น ๆ และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เช่น การปรับปรุงกระบวนการทำงานหรือการพูดคุยกับทีมเพื่อแก้ปัญหา การแสดงให้เห็นว่าเราสามารถรับมือกับความเครียดและยังคงทำงานได้มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ฝ่ายบุคคลมั่นใจในทักษะการจัดการปัญหาของคุณ              การตอบคำถามในการสัมภาษณ์งานเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถเพิ่มโอกาสในการได้งานของคุณได้ หากคุณเตรียมตัวและตอบคำถามอย่างมั่นใจและเป็นตัวของตัวเอง โอกาสในการได้รับการติดต่อเพื่อสัมภาษณ์งานจะสูงขึ้นมาก สำหรับผู้ที่กำลังมองหางานใหม่ สามารถเข้าไปหางานที่ตรงกับทักษะและความสนใจของคุณได้ที่ JOBTOPGUN ซึ่งเป็นเว็บไซต์หางานอันดับหนึ่งในประเทศไทย              นอกจากนี้ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กรหรือประสบการณ์จากพนักงานจริงในบริษัทต่าง ๆ YouSayHRSay คือแหล่งข้อมูลที่ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกงานได้ดีขึ้น              เตรียมตัวให้พร้อมและแสดงความสามารถที่ดีที่สุดของคุณในการสัมภาษณ์งานครั้งต่อไป!
5 สุดยอดเช็คลิสต์เด็กจบใหม่ หางานอย่างไรให้ได้งานชัวร์!
5 สุดยอดเช็คลิสต์เด็กจบใหม่ หางานอย่างไรให้ได้งานชัวร์!ด้วยสถานการณ์ทั้งทางสังคม ทั้งโรคระบาดต่างๆที่อาจจะทำให้ใครหลายๆคนที่เป็นเด็กจบใหม่มีความหวั่นใจ อาจเป็นเพราะยังไม่รู้ว่าจบมาแล้วจะเริ่มต้นหางานอย่างไรดี เพราะประสบการณ์ก็ยังไม่มี ไม่ต้องกังวลต่อไปแล้ว เพราะบทความนี้จะแจก 5 เช็คลิสต์การหางานอย่างไรให้ได้งานชัวร์ ตามนี้เลยค่ะ 1.สำรวจ Passion ตัวเอง                 อย่างแรกก่อนที่จะหางาน ต้องสำรวจ Passion หรือความสนใจของตัวเองก่อนว่า ความสามารถและประสบการณ์ที่คุณมีนั้นสามารถต่อยอดไปได้ในตำแหน่งงานแบบไหนบ้าง คุณชอบงานแบบไหน อยากอยู่ในองค์กรระดับเล็กหรือใหญ่ สนใจงานประเภทที่ต้องออกไปพบผู้คนเยอะๆ ชอบงานหลังบ้านที่ไม่ต้องออกไปพบปะผู้คนมากนัก และต้องมีการพิจารณาเงินเดือนอีกด้วย และลองไปสำรวจช่องทางหางานต่างๆ เช่น เว็บไซต์หางานออนไลน์ ประกาศงานในช่องทาง Social media ต่างๆเป็นต้น 2.Resume ต้องปัง                 ด่านนี้ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาเราไปถึงเส้นชัยได้ไวขึ้น เด็กจบใหม่หรือนักศึกษาปีสุดท้ายสามารถเริ่มทำขั้นตอนนี้เพื่อเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆได้เลย เพราะเรซูเม่ที่ใช้สมัครงานควรเป็นช่องทางที่เพิ่มโอกาสได้งานที่แท้จริง เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่จะบอกความสามารถ ประสบการณ์ และทักษะความเชี่ยวชาญว่าเราเคยทำอะไรมาก่อน หรือมีจุดแข็งอะไรที่ทำให้คุณโดดเด่นจนเข้าตากรรมการนั่นเอง โดยควรเลือกทำเรซูเม่ที่มีรูปแบบที่เป็นที่ยอมรับเช่น Super Resume นั่นเอง 3.ทำความรู้จักองค์กร                 เรียกได้ว่าข้อนี้มีเด็กจบใหม่หลายๆคนที่พลาดไป เพราะเมื่อไปสัมภาษณ์แล้ว บางคนตอบไม่ได้ว่าองค์กรมีผลิตภัณฑ์ หรือบริการอะไร วัฒนธรรมองค์กร หรือทำความเข้าใจกับวิสัยทัศน์ขององค์กร หากเราทำความเข้าใจกับองค์กรโดยศึกษาจากช่องทางเว็บไซต์บริษัท หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่เรากำลังจะสมัครงานนั้นๆ เพื่อจะแสดงว่าเราศึกษาและเข้าใจองค์กรมาเป็นอย่างดีและโอกาสงานก็จะมีเพิ่มขึ้นได้ 4.First impression ต้องดูดี                 หากอยากให้ฝ่ายบุคคลประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามาสัมภาษณ์ ต้องแสดงความให้เกียรติองค์กรด้วยการรแต่งกายให้สุภาพในวันสัมภาษณ์ไม่ว่าจะไปที่บริษัทเองหรือสัมภาษณ์ออนไลน์ก็ตาม ถึงแม้ว่าเป็นนักศึกษาจบใหม่ ชุดที่ควรจะแต่งกายมาสัมภาษณ์ก็ควรเป็นชุดที่สุภาพ หรือหากมีสูทหรือเบลเซอร์ทับอีกทีก็จะความเป็นมืออาชีพให้มากขึ้นได้นั่นเอง 5.กำหนดเป้าหมายในการทำงาน                 เมื่อเราเจอบริษัทที่อยากทำงานแล้วนั้น เราต้องวางแผนและกำหนดเป้าหมายในการทำงานของตนเอง เช่น คิดว่าอีก 5-10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรหากอยู่ในองค์กร เราจะอยู่จุดไหน ตำแหน่งงานที่เข้ามาเริ่มทำงานและตำแหน่งงานที่จะโตไปเป็นไปในทิศทางไหนได้นั่นเอง ทั้ง 5 เช็คลิสต์นี้เด็กจบใหม่ต้องรีบเช็คให้ไว หากมีครบทั้ง 5 ข้อนี้แล้ว การหางานก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากสำหรับเด็กจบใหม่เลยค่ะ
5 เคล็ดลับทำให้ผ่านโปรอย่างมีประสิทธิภาพอย่างไรให้เจ้านายรัก
5 เคล็ดลับทำให้ผ่านโปรอย่างมีประสิทธิภาพอย่างไรให้เจ้านายรักหากคุณเป็นนักศึกษาจบใหม่ หรือคนทำงานที่เพิ่งจะเปลี่ยนงานและกำลังอยู่ช่วงเวลา “ทดลองงาน” ซึ่งโดยปกติแล้ว บริษัทหลายๆที่จะมีเกณฑ์การผ่านโปรในระยะเวลาประมาณ​ 3-4 เดือน และหากคุณกำลังมองหาวิธีผ่านโปรอย่างมีประสิทธิภาพอย่างไรให้เจ้านายรัก ตามมาอัพเดตในบทความนี้ได้เลยค่ะ มาทำช่วงเวลาทองนี้ให้เป็นเวลาสำคัญที่จะทำให้เจ้านายตัดสินใจจ้างหลังจากพ้นช่วง Probation กันเถอะ 1.แสดงศักยภาพเต็มที่                 สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องทำความเข้าใจกับรายละเอียดงานของเราที่ได้รับมอบหมายอย่างถ่องแท้ ทำงานของตัวเองออกมาให้ดีที่สุด แสดงศักยภาพของตัวเองให้เต็มที่และอย่าลืมพัฒนาฝีมือของตนเองเสมอโดยการถาม feedback จากเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน เพื่อนำมาปรับปรุงเนื้องานของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น 2.ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน                 การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนในการผ่านโปรอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการสร้างแรงจูงใจและเป็นการกระตุ้นให้เรามีความมุ่งมั่นในการผ่านโปรให้ได้และผ่านโปรได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย กล่าวคือ การตั้งใจที่จะผ่านโปรจะทำให้การทดลองงานมีวิธีการไปถึงความสำเร็จได้ไวขึ้น 3.สร้าง First Impression ที่ดี                 เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการสร้าง First Impression เป็นสิ่งที่สำคัญ ทั้งในการทำให้เจ้านาย และเพื่อนร่วมงานประทับใจทั้งในเรื่องของบุคลิคภาพ การแต่งตัวต้องเรียบร้อยเหมาะสม และเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆของบริษัทต้องรักษาให้ดี เช่น กฎการขาด ลา มาสายที่ไม่ควรจะละเลย ควรมีเหตุผลที่เหมาะสมมากพออีกด้วย 4.โชว์ศักยภาพให้ผู้อื่นเห็น                 นอกจากนี้ หากเรารับผิดชอบงานของตัวเองได้ดีแล้ว เราอาจจะสร้างโอกาสให้ตัวเองได้แสดงศักยภาพให้ผู้อื่นได้เห็นด้วยเช่นกันด้วยการอาสาช่วยงานของเพื่อนร่วมงานแต่อยู่ในขอบเขตความสามารถขของตนเอง เพื่อที่จะแสดงจุดแข็งของเราให้เพื่อนร่วมงานและเจ้านายได้เห็น 5.เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร                 เพราะนอกจากจะทำงานเก่งแล้ว หากอยากผ่านโปรแบบเจ้านายปลื้มเป็นพิเศษนั้น ห้ามพลาดที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรนั้นๆด้วย เหตุผลก็คือ หากผ่านโปรไปแล้ว การทำงานในองค์กรใดองค์กรหนึ่งจำเป็นจะต้องมีความอินกับวัฒนธรรมองค์กรหากต้องการจะเติบโตไปยาวๆ คนที่เข้ากับวัฒนธรรมนั้นย่อมมีแนวโน้มจะโตได้ไวมากกว่า                 ทั้ง 5 เคล็ดลับนี้ก็จะเป็นเคล็ดลับการผ่านโปรอย่างมีประสิทธิภาพที่ไม่ว่าใครที่กำลังอยู่ในช่วงทดลองงานควรจะลองทำตาม เพื่อการผ่านโปรได้อย่างราบรื่นและเกิดประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง
เช็คให้ไว! ทำไมส่งเรซูเม่สมัครงานไปแต่ไม่ผ่านสักที
เช็คให้ไว! ทำไมส่งเรซูเม่สมัครงานไปแต่ไม่ผ่านสักทีการส่งใบสมัครงานหรือเรซูเม่เพื่อหางานใหม่ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก แต่หลายครั้งที่คุณอาจรู้สึกท้อใจและสงสัยว่าทำไมไม่มีบริษัทไหนติดต่อกลับมาเลย เมื่อส่งเรซูเม่ไปสมัครงานหลายตำแหน่งแต่ก็ยังไม่มีการตอบรับ บางทีอาจเกิดจากข้อผิดพลาดบางประการที่อาจทำให้โอกาสในการถูกเรียกสัมภาษณ์งานหายไป ดังนั้น ก่อนที่จะท้อแท้และเสียกำลังใจไป ลองกลับมาทบทวนและเช็คข้อผิดพลาดเหล่านี้ที่อาจทำให้คุณไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัท ไขข้อข้องใจ ทำไมส่งเรซูเม่ไปแล้วไม่มีการตอบรับ         1. นำเสนอข้อมูลได้ไม่ครบถ้วน              การนำเสนอข้อมูลในเรซูเม่ที่ไม่ครบถ้วนหรือขาดรายละเอียดสำคัญ เป็นหนึ่งในข้อผิดพลาดที่ทำให้ผู้สมัครงานไม่ได้รับการติดต่อกลับ หากในเรซูเม่ไม่มีการแสดงจุดเด่นหรือข้อมูลที่แสดงถึงทักษะและความสามารถที่สำคัญของตัวเองอย่างชัดเจน ผู้สัมภาษณ์จะไม่สามารถเห็นคุณค่าและศักยภาพของคุณได้ นอกจากนี้ หากคุณมีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดีหรือมีเกรดที่ดี แต่ยังมีผู้สมัครคนอื่นที่มีคุณสมบัติเดียวกัน ก็อาจทำให้ผู้สัมภาษณ์มองข้ามคุณไป ดังนั้นการนำเสนอตัวตนให้โดดเด่นด้วยการเน้นจุดแข็งในเรซูเม่ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกเรียกสัมภาษณ์มากขึ้น         2. นำเสนอข้อมูลเท็จ              บางครั้งผู้สมัครอาจจะรู้สึกอยากเพิ่มโอกาสในการได้งาน โดยการเพิ่มข้อมูลที่อาจไม่เป็นจริงในเรซูเม่ เช่น การโอ้อวดทักษะหรือประสบการณ์ที่ไม่มี หรือการเพิ่มข้อมูลเท็จในส่วนของทักษะภาษา หรือทักษะคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะได้ค่าเงินเดือนที่สูงขึ้น ซึ่งการทำเช่นนี้อาจจะดูเหมือนเป็นวิธีการที่ช่วยให้ได้งานเร็วขึ้น แต่ในความเป็นจริง มันกลับทำให้คุณเสี่ยงที่จะถูกตรวจสอบและทำให้พลาดโอกาสในการสัมภาษณ์ งานที่มีข้อมูลเท็จจะทำให้เสียเครดิต และอาจถูกตัดสิทธิ์ออกจากการพิจารณาทันที         3. ข้อผิดพลาดของผู้สมัคร : ข้อมูลการติดต่อผิดพลาด              อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คุณไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัทก็คือการให้ข้อมูลติดต่อที่ผิดพลาด เช่น เบอร์โทรศัพท์ที่ผิด อีเมลที่ไม่ถูกต้อง หรือไอดีของแอพพลิเคชั่นที่ใช้ในการติดต่อที่ไม่ได้รับการอัปเดต การตรวจสอบช่องทางการติดต่อให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันถือเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่เสมอ การให้ช่องทางติดต่อสำรองก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเช่นกัน นอกจากนี้อย่าลืมตรวจสอบทั้งกล่องข้อความปกติและกล่อง Junk Mail หรือ Spam Folder เพราะบางครั้งบริษัทอาจส่งอีเมลเชิญสัมภาษณ์มาในกล่องนี้ และอาจมีโอกาสงานดี ๆ ที่ตกหล่นไปหากคุณไม่ตรวจสอบให้ละเอียด         4. รูปภาพในเรซูเม่              การใส่รูปภาพในเรซูเม่ถือเป็นการแสดง First Impression ที่สำคัญ รูปภาพที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ผู้สัมภาษณ์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรซูเม่ของคุณ ดังนั้นควรใส่รูปภาพที่สุภาพและเป็นทางการ รูปภาพที่เหมาะสมคือการใส่ชุดพร้อมทำงาน ไม่ควรเป็นภาพที่ถ่ายในลักษณะของนักศึกษาหรือรูปเซลฟี่จากโซเชียลมีเดีย รูปภาพควรจะเป็นภาพที่ชัดเจนและเป็นทางการมากที่สุด เพื่อสร้างความประทับใจแรกในสายตาผู้สัมภาษณ์         5. ส่งใบสมัครงานไม่ตรงสาย              อีกหนึ่งข้อผิดพลาดที่ทำให้เรซูเม่ของคุณไม่ได้รับการพิจารณาคือการส่งใบสมัครงานที่ไม่ตรงกับสายงานของตัวเอง เช่น หากคุณเรียนสาขาธุรการ แต่ไปสมัครงานในตำแหน่งวิศวกร การทำเช่นนี้จะทำให้ผู้สัมภาษณ์มองว่าคุณไม่ละเอียดรอบคอบ และอาจจะถูกมองข้ามไป ควรเลือกสมัครงานที่ตรงกับทักษะและความสามารถที่คุณมี และดูรายละเอียดงานให้ดีว่าตำแหน่งที่สมัครนั้นตรงกับประสบการณ์และการศึกษาของคุณหรือไม่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการถูกเรียกสัมภาษณ์              การส่งเรซูเม่เพื่อสมัครงานไม่ใช่แค่เรื่องของการส่งเอกสารไป แต่ยังเป็นเรื่องของการสร้างความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ผู้สัมภาษณ์เปิดดู หากคุณสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่กล่าวมาได้และตรวจสอบทุกอย่างให้ละเอียด โอกาสในการได้รับการติดต่อสัมภาษณ์จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน หากคุณกำลังมองหางานใหม่หรือโอกาสในการพัฒนาตัวเองในการทำงาน สามารถเข้าไปหางานได้ที่ JOBTOPGUN เว็บไซต์หางานอันดับหนึ่งที่ช่วยให้คุณค้นหาตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับทักษะของคุณ              นอกจากนี้ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กรและประสบการณ์จากพนักงานจริงในบริษัทต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกงานที่เหมาะสมกับคุณ YouSayHRSay ก็เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีในการช่วยให้คุณเข้าใจโลกการทำงานมากขึ้น
5 วิชาที่เด็กจบใหม่ ควรรีบทำให้ไวถ้าอยากผ่านโปร
5 วิชาที่เด็กจบใหม่ ควรรีบทำให้ไวถ้าอยากผ่านโปรหากคุณคือเด็กจบใหม่ที่เพิ่งมีโอกาสได้เข้าไปทำงานกับบริษัทเป็นช่วงแรกๆอาจจะได้ยินฝ่ายบุคคลแจ้งไว้ว่า คุณต้องผ่านการทดลองงาน 3 เดือน หากผ่านแล้วค่อยเซ็นสัญญาเป็นพนักงานประจำ ถ้าเจอเหตุการณ์นี้ สิ่งที่เด็กจบใหม่ต้องรีบทำก็คือ ต้องกระตือรือร้นที่จะหาวิธีที่จะทำให้คุณผ่านโปรได้อย่างไวขึ้น จะมีทริคอะไรไปดูกันค่ะ 1. พิสูจน์ฝีมือเต็มที่ ในการทำงานแรกๆ เราต้องพิสูจน์ฝีมือเราให้เต็มที่ โดยการตั้งใจทำงาน ส่งตรงเวลา และในการทำงานหากมีข้อสงสัยต้องรีบถามหัวหน้างานก่อนที่จะทำ เพราะหากทำพลาดไปชิ้นงานอาจเสียหายได้เช่นกัน นอกจากนี้ ต้องตรวจทานทุกครั้งก่อนเสร็จเพื่อเช็คว่าไม่มีอะไรผิดพลาดจนเจ้านายไว้วางใจ 2. เปิดใจเรียนรู้ การเปิดใจในที่นี้คือ การเปิดใจเรียนรู้ทั้งเรื่องงาน และเรื่องวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งค่อยๆ blend in กับองค์กรโดยการสังเกตเพื่อนร่วมงาน พยายามเข้าร่วมกิจกรรมขององค์กรที่จัดมาให้ทุกครั้งถ้าเป็นไปได้ และอย่าคิดว่างานจะยากเกินไป หรือทำไม่ได้ ให้คิดว่าเป็นความท้าทายที่ต้องทำให้ได้จะดีกว่า 3. พัฒนาตัวเองตลอด อย่าหยุดพัฒนาตนเองโดยการเสริมเติมทักษะทางด้านเทคโนโลยี อาจจะเป็นการไปเทคคอร์สเรียนโปรแกรมต่างๆ หรือศึกษาการใช้งานของโปรแกรมไอทีที่กำลังเป็นที่นิยม หรือจะมีประโยชน์ต่อองค์กรและนำมาประยุกต์ใช้ได้ ตรงจุดนี้ เจ้านายจะเห็นว่าเรากระตือรือร้นและไม่หยุดพัฒนาตัวเอง เรียกได้ว่ามีไฟแรงกว่าใครเพื่อน โอกาสผ่านโปรก็มากขึ้นอีกด้วย 4. กฎระเบียบต้องเป๊ะ หากเป็นไปได้ ภายในช่วงทดลองงาน ควรหลีกเลี่ยงการขาด ลา มาสายเอาไว้ก่อนเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เราต้องพิสูจน์ความรับผิดชอบเบื้องต้นให้หัวหน้างานได้เห็น และเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมและวัดได้ชัดที่สุด ซึ่งหากคุณทำได้ นั่นก็หมายความว่ากฎอื่นๆขององค์กรคุณก็ทำได้เช่นกัน 5. หากพลาดไปต้องเรียนรู้ เนื่องจากการเป็นน้องใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อน เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการทำความผิดพลาดเกิดขึ้น ซึ่งการทำงานพลาดนั้นเกิดขึ้นได้ทุกระดับ สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดจุดนั้น และนำมาพัฒนาให้ดีขึ้น ไม่ทำผิดซ้ำอีก แบบนี้ถึงเรียกว่าเกิดการเรียนรู้และเป็นพนักงานที่น่าชื่นชมอีกด้วย ทั้ง 5 วิชานี้ ใครที่เป็นเด็กจบใหม่กำลังอยู่ในช่วงทดลองงานลองนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันดูนะคะ เพื่อที่จะได้ผ่านโปรให้ไวอย่างแน่นอน
เด็กจบใหม่หา Passion อย่างไรเจองานที่ใช่ไวกว่าที่คิด!
เด็กจบใหม่หา Passion อย่างไรเจองานที่ใช่ไวกว่าที่คิด!เป็นที่รู้กันดีว่าสถานการณ์โควิดที่อยู่กับเรามาหลายรอบแล้ว ดังนั้น การหางานใหม่สำหรับเด็กจบใหม่อาจจะดูเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลายๆคน เพราะทั้ง Rate การเปลี่ยนงาน การเลิกจ้าง ดังนั้น เด็กจบใหม่ทั้งหลายต้องมีการปรับตัวต่างๆมากมาย โดยก่อนที่จะหางานนั้น เชื่อว่าเด็กจบใหม่หลายๆคนอาจจะเกิดอาการหมดไฟ หรือเรียกว่าหมด Passion นั่นเอง วันนี้จะมาบอก 5 วิธีสำหรับเด็กจบใหม่ว่าหา Passion อย่างไรเจองานที่ใช่ไวกว่าที่คิด! 1.หาจุดแข็งที่ใช่ การหา Passion ให้แรงกล้ายิ่งกว่าเดิมด้วยการหาจุดแข็งที่ใช่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งเพราะการค้นหาว่าตัวเองมีดีด้านไหน และทำไมถึงโดดเด่นกว่าคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น การมีความเป็นผู้นำ การชอบการแข่งขัน ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ว่าตัวเองนั้นเด่นไม่แพ้ใคร เมื่อเทียบกับคนที่โปรไฟล์คล้ายๆกันจะได้มีความโดดเด่นและมีโอกาสได้งานมากกว่า 2.ใช้ Social Network เพิ่มโอกาสใหม่ๆ เพราะช่วงนี้นั้นเป็นช่วงที่ใครหลายๆคนอาจจะหมดไฟในการหางาน แต่อีกทางที่จะเติมไฟให้ตัวเองก็คือ การใช้ Social Media แพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter หรือ Linkedin เพื่อไปฝากประวัติตัวเอง หรือค้นหา Post สมัครงานที่น่าสนใจที่ใครเห็นก่อนก็ได้โอกาสสมัครงานดีๆก่อนนั่นเอง 3.ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง อย่าทำให้ตัวเองหมดไฟในการพัฒนาตนเองโดยการเติมไฟจากการไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ลงเรียนคอร์สเรียนออนไลน์ต่างๆ ที่มีมากมายในอินเตอร์เน็ตเพื่อเติมทักษะให้เต็มเปี่ยมพร้อมที่จะเป็นผู้สมัครที่เพียบพร้อม ยิ่งมี certificate การันตีด้วยยิ่งดี รวมถึงเติมความรู้ด้านเทคโนโลยี ขั้นตอนการทำงานออนไลน์ และฟีเจอร์ใหม่ๆในอินเตอร์เน็ตที่อัพเดตไม่เว้นแต่ละวันด้วย 4.เติมทัศนคติที่ดีแบบ Growth Mindset เพราะ Growth Mindset หรือทัศนคติที่เด็กจบใหม่ควรเติมให้เต็มก่อนไปสมัครงานหลังโควิด เนื่องจากทัศนคติเหล่านี้จะหล่อหลอมให้เด็กจบใหม่กลายเป็นพนักงานที่ใครๆก็ต้องการตัวได้ง่ายๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นการไม่เกี่ยงในการทำงานไม่ว่ายาก ง่าย หาทางแก้ไขปัญหา ฟันฝ่าอุปสรรค หรือมองว่าความพยายามและความทุ่มเทคือหนทางสู่การพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้น 5.เตรียมเรซูเม่ที่สุดปัง เรซูเม่ที่สามารถนำเสนอตัวตนของคุณที่ดีที่สุดจะเป็นกุญแจที่จะไขไปสู่ความสำเร็จได้งานตามที่มุ่งหวังได้ง่ายขึ้น การเลือกทำเรซูเม่กับ Super Resume จึงเป็นอีกช่องทางที่จะเตรียมความพร้อมของนักศึกษาจบใหม่ได้อย่างมีคุณภาพ เพราะเป็นเรซูเม่ที่ได้รับการยอมรับจาก HR ชั้นนำของประเทศ ทำให้เรามีโอกาสได้งานเพิ่มขึ้นมากอีกด้วย ทั้ง 5 วิธีนี้ก็เป็นวิธีการหา Passion เด็กจบใหม่ที่หางานที่ใช่ไวกว่าที่คิดได้เมื่อทำตามวิธีเหล่านี้ได้ รับรองหางานได้ไวกว่าเดิมแน่นอนค่ะ
5 คำถามน่าสนใจเมื่อไปสัมภาษณ์ควรถามอะไรนายจ้าง
5 คำถามน่าสนใจเมื่อไปสัมภาษณ์ควรถามอะไรนายจ้างการสัมภาษณ์งานเป็นขั้นตอนสำคัญที่ผู้สมัครทุกคนต้องเผชิญก่อนที่จะได้เข้าทำงานในองค์กรที่ต้องการ ความประทับใจแรกมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจของนายจ้าง ดังนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการสัมภาษณ์จะช่วยให้คุณสามารถแสดงทักษะและความสามารถของตนได้อย่างดีที่สุด หนึ่งในคำถามที่มักจะเจอในระหว่างการสัมภาษณ์ก็คือ "คุณมีคำถามอะไรจะถามเราหรือไม่?" การเตรียมคำถามไว้ล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการถามคำถามที่แสดงถึงความสนใจและความตั้งใจในการทำงานในองค์กรนั้น ๆ จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับนายจ้างมากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการได้งานตำแหน่งนั้น ดังนั้น วันนี้เราจะมาแนะนำ 5 คำถามที่น่าสนใจในการสัมภาษณ์งาน ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถแสดงความกระตือรือร้นและความใส่ใจในองค์กรและตำแหน่งที่คุณสมัคร 5 คำถามที่เราควรถามที่ช่วยสร้างความประทับใจต่อนายจ้าง         1. วัฒนธรรมองค์กร              วัฒนธรรมองค์กรเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสบการณ์การทำงานในแต่ละที่ซึ่งไม่เหมือนกันในแต่ละองค์กร การถามคำถามเกี่ยวกับวัฒนธรรมการทำงานในองค์กรนั้น ๆ จึงเป็นสิ่งที่คุณควรทำ เพื่อให้คุณได้เข้าใจว่าองค์กรนี้มีลักษณะการทำงานอย่างไร เช่น การทำงานร่วมกันในทีม การสื่อสารระหว่างพนักงานและผู้บริหาร หรือการส่งเสริมความหลากหลายและการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างกัน การเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรจะช่วยให้คุณสามารถประเมินได้ว่าองค์กรนั้นเหมาะสมกับตัวคุณหรือไม่ หากคุณต้องการทำงานในที่ที่มีความเข้มแข็งในด้านการสร้างทีมงานและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี การถามคำถามเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กรจะทำให้คุณได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ         2. ตำแหน่งงาน              อีกหนึ่งคำถามที่ควรถามในระหว่างการสัมภาษณ์งาน คือ โอกาสการเติบโตในตำแหน่งที่คุณสมัคร หากคุณกำลังมองหาการพัฒนาในสายอาชีพและการเติบโตในตำแหน่งงาน คุณสามารถถามเกี่ยวกับเส้นทางการเติบโตในอนาคตของตำแหน่งนี้ได้ เช่น "หลังจาก 3 - 5 ปีในตำแหน่งนี้ จะมีโอกาสเติบโตในตำแหน่งอื่น ๆ หรือไม่?" หรือ "การเลื่อนขั้นจะมีเกณฑ์หรือเป้าหมายที่ชัดเจนอย่างไร?" การทราบข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการเติบโตจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าการทำงานที่นี่จะสามารถพัฒนาความสามารถของคุณไปในทิศทางที่คุณต้องการได้ และจะสร้างแรงจูงใจให้คุณทุ่มเททำงานเพื่อเป้าหมายที่ชัดเจน         3. ทีมงานในองค์กร              คำถามเกี่ยวกับทีมงานในองค์กรเป็นคำถามที่สามารถแสดงให้เห็นถึงความสนใจในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างดี เพราะการทำงานเป็นทีมถือเป็นส่วนสำคัญในการทำงานในหลาย ๆ องค์กร การถามเกี่ยวกับการทำงานเป็นทีมในองค์กรนั้น ๆ จะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณจะต้องทำงานร่วมกับทีมอย่างไร คุณอาจถามว่า "ทีมในองค์กรนี้มีลักษณะการทำงานอย่างไร? เราจะมีโอกาสทำงานร่วมกับทีมต่าง ๆ ในหลายแผนกหรือไม่?" หรือ "องค์กรสนับสนุนการทำงานร่วมกันเป็นทีมอย่างไร?" คำถามนี้จะช่วยให้นายจ้างรู้ว่าคุณมีความกระตือรือร้นในการทำงานกับทีม และสามารถปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลาย         4. วิสัยทัศน์ผู้นำ              การถามเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของผู้นำองค์กร เป็นคำถามที่สามารถช่วยให้คุณได้ทราบถึงทิศทางการพัฒนาองค์กรในอนาคต และยังเป็นการประเมินได้ว่าองค์กรนั้นมีแผนการเติบโตอย่างไร คุณสามารถถามนายจ้างเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของ CEO หรือผู้บริหารขององค์กร เช่น "วิสัยทัศน์ของ CEO ในอีก 5 ปีข้างหน้านี้เป็นอย่างไร?" หรือ "องค์กรมีแผนในการขยายตลาดหรือขยายธุรกิจในอนาคตอย่างไร?" การเข้าใจวิสัยทัศน์ของผู้นำจะช่วยให้คุณสามารถเตรียมตัวและวางแผนการทำงานให้สอดคล้องกับทิศทางขององค์กรและทำให้คุณเห็นภาพรวมของอนาคตในการทำงานที่นี่ได้         5. เป้าหมายองค์กร              การถามเกี่ยวกับเป้าหมายขององค์กรในระยะสั้นและระยะยาว เป็นการแสดงความสนใจในทิศทางการพัฒนาและความสำเร็จขององค์กร หากองค์กรมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นไปในทิศทางที่คุณเชื่อมั่นและสนับสนุน คุณจะสามารถพัฒนาและเติบโตไปพร้อม ๆ กับองค์กรนั้นได้ คุณสามารถถามเกี่ยวกับเป้าหมายองค์กรในระยะสั้นและระยะยาว เช่น "เป้าหมายขององค์กรในอีก 1 - 2 ปีข้างหน้านี้คืออะไร?" หรือ "เป้าหมายในการขยายธุรกิจหรือลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเป็นอย่างไร?" การทราบข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายขององค์กรจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการทำงานได้ดีขึ้นและมั่นใจว่าองค์กรนี้มีทิศทางที่ชัดเจนและยั่งยืน              การถามคำถามในระหว่างการสัมภาษณ์งานไม่เพียงแต่แสดงถึงความสนใจในตำแหน่งและองค์กร แต่ยังช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าองค์กรนั้นเหมาะสมกับคุณหรือไม่ หากคุณต้องการสำรวจตำแหน่งงานที่ตรงกับความต้องการและความสนใจของคุณ คุณสามารถเข้าชมเว็บไซต์ JobTopGun ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานจากบริษัทชั้นนำทั่วประเทศ              นอกจากนี้ หากคุณสนใจที่จะทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กร สวัสดิการ และประสบการณ์การทำงานจากพนักงานจริง คุณสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ YouSayHRSay ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมรีวิวจากพนักงานและนายจ้าง เพื่อให้คุณได้มุมมองที่หลากหลายก่อนตัดสินใจเข้าร่วมงานกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง              การใช้ข้อมูลจากทั้งสองเว็บไซต์นี้จะช่วยให้คุณเตรียมตัวและตัดสินใจในการหางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กิจกรรมเพิ่มโอกาสได้งานสำหรับนักศึกษาที่กำลังมาแรง
กิจกรรมเพิ่มโอกาสได้งานสำหรับนักศึกษาที่กำลังมาแรงเพราะการพิจารณา Resume ในการรับนักศึกษาจบใหม่เข้าทำงานนั้น HR ปัจจุบันไม่ได้ใช้หลักเกณฑ์ในการคัดคนเข้าทำงานจากเกรดเฉลี่ยที่ต้องสูงอย่างเดียว แต่หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ในโลกความเป็นจริงนั้น การหางานไม่ได้ง่ายเพียงมีแค่เกรดสูงอย่างเดียว เพราะหลายๆบริษัทนั้นเลือกคนเข้าทำงานจาก Resume ที่โดดเด่นจากนักศึกษาที่มี “ประสบการณ์” กันทั้งนั้น ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงประสบการณ์การทำงาน แต่หมายถึง ประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวระหว่างการเรียน ถ้ามีผลงานที่โดดเด่น โอกาสได้งานจะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย กิจกรรมจะมีอะไร ติดตามได้เลยค่ะ 1.งาน Part-time สำหรับงาน Part-time นอกจากจะเพิ่มรายได้แล้วยังจะเพิ่มประสบการณ์ในการทำงานจริงให้นักศึกษาเห็นภาพในการทำงานในชิวิตจริงอีกด้วย การทำงาน Part-time ยังทำให้นักศึกษาได้รับทักษะในการทำงานจริงอื่นๆอีก เช่น ความรับผิดชอบ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ความมีมนุษยสัมพันธ์ในที่ทำงานอีกด้วย 2.คอร์สสัมมนา ฝ่าย HR มักจะมองว่าคุณเป็นคนที่ไม่เคยหยุดการเรียนรู้ มีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเอง เมื่อคุณมีการเข้าอบรมสัมมนา โดยเฉพาะกิจกรรมที่มีใบรับรองหรือประกาศนียบัตรด้วยยิ่งดี โดยนักศึกษาควรจะมีอาชีพในฝันที่อยากทำและควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะกับการต่อยอดในสายงานนี้ก็จะได้เปรียบ 3.สายแข่งขันชิงรางวัล เพราะการเข้าประกวดนั้น ถือว่าเป็นการพัฒนาความสามารถของตนเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งการแข่งขันชิงรางวัลต่างๆนั้นควรจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคุณหรือสิ่งที่คุณสนใจก็จะทำให้โปรไฟล์โดดเด่นได้เป็นอย่างดี และยิ่งเป็นรางวัลระดับภาค ระดับประเทศ ก็ยิ่งทำให้ HR พิจารณาคุณเป็นพิเศษ 4.เก็บเกี่ยวจากชมรม ในการเรียนที่มหาวิทยาลัยนั้น ไม่ควรเป็นการเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ควรเป็นการเก็บเกี่ยวจากชมรมด้วยก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะเพิ่มโอกาสในการได้งานจากทักษะที่เรียนรู้ระหว่างการร่วมชมรม โดยเฉพาะการเลือกชมรมที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่คุณต้องการจะทำก็จะเป็นเรื่องที่ดีเกี่ยวกับงาน ทั้ง 4 กิจกรรมนี้ก็เป็นกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานสำหรับบัณฑิต เพราะจะช่วยเพิ่มศักยภาพในระหว่างการเรียนและยังช่วยทำให้ Resume เราโดดเด่นได้อีกด้วยค่ะ